Catch up with our update information and provided tips to help you getting the maximize benefit from using of your credit card.
จริงๆ แล้วการดูแลสุขภาพร่างกายทำได้หลายวิธีมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ กินอาหารสุขภาพที่มีประโยชน์ และรู้ไหมว่าการดูแลสุขภาพอีกวิธีหนึ่งที่เรียบง่ายที่สุด คือ “การดื่มน้ำให้เพียงพอ” หลายคนมักจะมองข้ามน้ำเปล่าไป เพียงเพราะว่าเป็นน้ำที่ไม่มีรสชาติ โดยน้ำคือองค์ประกอบสำคัญของร่างกาย บทความนี้จะพาคุณดูว่าการดื่มน้ำช่วยอะไร เราควรดื่มน้ำวันละกี่ลิตร หรือดื่มน้ำเยอะไปเป็นอะไรไหม เพื่อให้สุขภาพดีขึ้นในทุกวัน มาหาคำตอบเกี่ยวกับการดื่มน้ำกันได้เลย
ถึงน้ำเปล่าจะไม่มีรสชาติอะไร แต่ร่างกายกลับต้องการมันตลอดทั้งวัน เพราะน้ำมีความสำคัญในการกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่ระบบย่อยอาหารไปถึงการลำเอียงออกซิเจนและสารอาหารให้ร่างกายมนุษย์ ดังนั้น การดื่มน้ำอย่างเหมาะสมเลยเป็นจุดเริ่มต้นของสุขภาพดีตั้งแต่ภายในไปจนถึงภายนอก
หลายคนอาจเคยได้ยินว่าควรดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว แต่ความจริงแล้วปริมาณน้ำที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งน้ำหนักตัว กิจกรรมที่ทำ และสภาพอากาศในแต่ละวัน เพื่อหาปริมาณน้ำที่เหมาะกับร่างกายของคุณจริงๆ ลองใช้สูตรคำนวณง่ายๆ นี้
โดยสูตรคำนวณปริมาณน้ำดื่มในแต่ละวัน คือ “น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) x 0.033 = ปริมาณน้ำ (ลิตร) ต่อวัน” และถ้าคุณมีน้ำหนัก 60 กิโลกรัม เมื่อแทนตัวเลขลงไปในสูตรจะได้เป็น 60 x 0.033 = 1.98 ลิตร เท่ากับว่า คุณควรดื่มน้ำประมาณ 2 ลิตร หรือเกือบๆ 8 แก้ว ต่อวัน (โดย 1 แก้ว เท่ากับ 250 มล.) ซึ่งเป็นปริมาณที่คำนวณมาเพื่อคุณโดยเฉพาะ
แต่ในกรณีที่คุณออกกำลังกายหนัก หรือต้องทำงานกลางแจ้งเป็นประจำ ควรเพิ่มปริมาณน้ำอีก 0.5 - 1 ลิตร ต่อวัน เพื่อชดเชยน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปทางเหงื่อนั่นเอง
การดื่มน้ำเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าดื่มมากเกินไปโดยเฉพาะในเวลาสั้นๆ เช่น ดื่มรวดเดียวให้หมดขวด หรือดื่มน้ำ 1.5 ลิตรในครั้งเดียว จะทำให้เกิดภาวะน้ำเป็นพิษ (Water Intoxication) ซึ่งส่งผลให้โซเดียมในเลือดเจือจาง จนอาจเกิดอาการชัก หรืออาการทางระบบประสาท ได้เช่นกัน ดังนั้น เคล็ดลับง่ายๆ คือให้ดื่มน้ำบ่อยๆ ทีละน้อย ไม่ควรดื่มรวดเดียวในครั้งเดียว เพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมได้ดีที่สุด
แม้จะรู้ปริมาณน้ำที่เหมาะสมในแต่ละวันแล้ว แต่หลายคนก็ยังเจอปัญหาเดิมๆ คือ "ลืมดื่ม" หรือ "ดื่มไม่ครบ" เพราะชีวิตที่เร่งรีบหรือความรู้สึกเบื่อน้ำเปล่าที่จืดชืดไม่มีรสชาติ บทความนี้ได้นำ 5 เคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันดู คุณจะสามารถดื่มน้ำได้มากขึ้น "แบบไม่รู้ตัว" โดยไม่ต้องฝืนเลย
การมีขวดน้ำที่ระบุปริมาตรชัดเจนจะช่วยให้คุณติดตามการดื่มน้ำได้ง่ายขึ้นมาก ลองตั้งเป้าหมายเล็กๆ ว่าต้องดื่มให้หมดขวดภายในกี่ชั่วโมง จะช่วยกระตุ้นให้คุณดื่มน้ำได้สม่ำเสมอมากขึ้น
ถ้าอยากให้การดื่มน้ำต่อเนื่อง การตั้งเตือนในมือถือทุกชั่วโมง หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอย่าง Water Reminder หรือ Plant Nanny ถือเป็นตัวช่วยที่ดี เพราะแอปฯ เหล่านี้จะคอยแจ้งเตือนให้คุณดื่มน้ำเป็นระยะๆ และยังช่วยบันทึกปริมาณการดื่มของคุณในแต่ละวันอีกด้วย
สำหรับใครที่เบื่อจะดื่มน้ำเปล่า ลองฝานมะนาว แตงกวา หรือใส่ใบสะระแหน่ลงไปในขวดน้ำ เพราะนอกจากจะเพิ่มความสดชื่นแล้ว ยังช่วยให้คุณรู้สึกอยากดื่มน้ำมากขึ้นอีกด้วย
ลองวางแก้วน้ำหรือขวดน้ำไว้บนโต๊ะทำงาน ในรถยนต์ หรือข้างเตียงนอน เพราะการที่น้ำอยู่ในสายตาตลอดเวลาจะทำให้คุณไม่ลืมหยิบขึ้นมาดื่ม และกลายเป็นพฤติกรรมอัตโนมัติไปเอง
การดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนมื้ออาหารประมาณ 30 นาที นอกจากจะช่วยให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น ทำให้ควบคุมปริมาณอาหารได้ง่ายแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณดื่มน้ำได้ครบตามตารางดื่มน้ำต่อวันที่ตั้งไว้
จะเห็นได้ว่า การเริ่มต้นจากเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้จะช่วยให้การดื่มน้ำกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และทำให้คุณเข้าใกล้เป้าหมายการมีสุขภาพดีได้มากขึ้น
ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดูธรรมดาที่สุด แต่ “น้ำเปล่า” ก็ยังคงเป็นเครื่องมือดูแลสุขภาพที่ทรงพลังและมีประสิทธิภาพที่สุดที่มองข้ามไปไม่ได้ เพราะน้ำไม่ได้แค่ช่วยดับกระหาย แต่ยังเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยให้ทุกระบบในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
การดื่มน้ำในช่วงเวลาที่เหมาะสมช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีที่สุดและลดความรู้สึกเหนื่อยล้า ดังนั้น ลองทำตามตารางดื่มน้ำที่เราจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อช่วยให้คุณมีพลังและสุขภาพดีตลอดทั้งวัน คือ
การดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอจะทำให้คุณรู้สึกสดชื่นและมีพลังในการทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงยังช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้นได้ด้วย! ลองจิบน้ำสักแก้วทุก 1 ชั่วโมง ช่วยให้ร่างกายไม่ขาดน้ำและลดอาการอ่อนเพลียได้
การเริ่มต้นดูแลสุขภาพไม่จำเป็นต้องเริ่มจากอะไรที่ซับซ้อนหรือแพง เพราะแค่การดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอต่อวันก็สามารถทำให้ร่างกายสมดุลขึ้นได้ทันที เพราะน้ำช่วยให้ผิวพรรณสดใส สมองปลอดโปร่ง และช่วยลดความเสี่ยงจากโรคต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนั้น เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจว่า ร่างกายต้องการน้ำเท่าไหร่ 1 วันควรดื่มน้ำกี่ลิตร ฯลฯ และสร้างพฤติกรรมการดื่มน้ำให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน คุณจะเห็นความเปลี่ยนแปลงในสุขภาพได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลกรุงเทพ, กระทรวงสาธารณสุข, mayoclinic, nutritionsource