หลายคนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนเมื่อทำงานไปได้สักพัก ก็คงมีความคิดว่า “อยากเงินเดือนขึ้น” ตามภาระหน้าที่ที่ได้รับ แต่ความจริงแล้ว การจะได้ขึ้นเงินเดือน ไม่ใช่แค่เรื่องของการพูดกับหัวหน้าว่าในปีนี้ขอขึ้นเงินเดือนหน่อยแล้วบอกความต้องการว่าอยากให้ปรับเงินเดือนกี่เปอร์เซ็นต์ แต่กลับเป็นเรื่องของการสร้างคุณค่าและภาพลักษณ์ที่ทำให้บริษัทเห็นว่าคู่ควรกับการปรับเงินเดือน ดังนั้น การต่อรองเงินเดือนต้องมาพร้อมกับการเตรียมตัวที่ดี นี่คือ 7 อย่างที่ต้องทำ หากอยากให้ปีหน้ามีโอกาสปรับเงินเดือนจริงr

สร้างคุณค่าให้ตัวเองด้วย 7 วิธีที่ช่วยเรื่องปรับเงินเดือนให้เป็นจริง

การเติบโตในสายอาชีพไม่ได้เกิดขึ้นจากผลงานเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากการพัฒนาตัวเองอย่างรอบด้าน ทั้งในเรื่องของ Soft Skill, Hard Skill และที่สำคัญคือ Mindset ที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้า สิ่งเหล่านี้คือรากฐานที่มั่นคงที่จะทำให้คุณเป็นที่น่าจับตามองและได้รับการพิจารณาในเรื่องของการปรับเงินเดือนให้เหมาะสมกับศักยภาพที่เพิ่มขึ้นของคุณ  มาดูกันเลยว่า 7 วิธีเพื่อใช้ต่อรองเงินเดือนมีอะไรบ้าง

เก็บ Feedback เพื่อเป็นเหตุผลในการขอขึ้นเงินเดือน

หัวหน้างานส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับคนที่พร้อมจะพัฒนาและเติบโต ดังนั้น อีกหัวใจสำคัญคือการฟังความคิดเห็นและนำไปใช้จริงถือเป็นหนึ่งในทักษะที่สำคัญที่สุด เพราะสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเอง ซึ่งวิธีเก็บ Feedback เช่น

• หลังการประชุมหรือการรีวิวงาน ลองจด Feedback ที่ได้รับจากหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงานลงในสมุดโน้ตส่วนตัว
• กลับมาทบทวนและเขียนแผนว่าจะปรับปรุงตรงไหนได้บ้าง เช่น "หัวหน้าบอกว่าการพรีเซนต์ของฉันยังไม่กระชับ ครั้งหน้าจะลองใช้ Visual Aid (สไลด์ อินโฟกราฟิก ไดอะแกรม หรือภาพประกอบ) มากขึ้น"
• เมื่อถึงเวลาขอขึ้นเงินเดือน คุณจะสามารถยกตัวอย่างความมุ่งมั่นเหล่านี้มาเป็นเหตุผลได้

แสดงคุณค่าให้มากกว่า Job Description

การทำงานเกินกว่าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เป็นวิธีสร้างความประทับใจและทำให้คุณโดดเด่นกว่าคนอื่น หากอยากได้เงินเดือนเพิ่ม ต้องทำให้หัวหน้าเห็นว่าคุณสร้างคุณค่าได้มากกว่าหน้าที่ที่ถูกจ้างมา ตัวอย่าง

• เสนอตัวช่วยงานอื่น : เมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมติดปัญหา ลองเข้าไปช่วยแนะนำหรือเสนอแนวทางแก้ไขเพื่อให้งานสามารถไปต่อได้
• คิดวิธีทำงานใหม่ : ลองใช้โปรแกรมใหม่ๆ หรือสร้าง Template เพื่อลดขั้นตอนการทำงานซ้ำๆ ของทีม ทำให้งานโฟลว์ขึ้น
• มีไอเดียที่ช่วยทีมได้ : ลองเสนอแนวคิดที่สร้างสรรค์ในที่ประชุม แม้จะไม่ได้อยู่ในขอบเขตงานของคุณก็ตาม เพราะทุกไอเดียที่ให้ไปอาจเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย

สิ่งเหล่านี้คือการแสดงออกว่าคุณไม่ได้เป็นแค่พนักงานทั่วไป แต่เป็นคนที่เพิ่มมูลค่าให้กับทีม ซึ่งก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยให้การปรับเงินเดือนเป็นเรื่องสมเหตุสมผล และถึงแม้บางครั้งผลตอบแทนอาจไม่ได้มาในทันที แต่คุณค่าที่สร้างขึ้นจะช่วยเปิดโอกาสในการเติบโตในระยะยาว และเป็นแต้มต่อสำคัญเมื่อคุณต้องการต่อรองเงินเดือนในอนาคต

อัปเกรดทักษะใหม่เพื่อต่อรองเงินเดือนอย่างมืออาชีพ

ในยุคที่การทำงานแข่งขันสูงมาก การเรียนรู้สิ่งใหม่เพื่อใช้สกิลในการทำงานเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ หากคุณอยากต่อรองเงินเดือนหรือทำให้บริษัทเห็นว่าคุณมีศักยภาพที่สูงขึ้น ควรหาความรู้เพิ่มเติมอยู่สม่ำเสมอ เพราะนี่คือการลงทุนที่หัวหน้ามองเห็นได้ชัดเจนที่สุด ตัวอย่าง

• เรียน Short Course ออนไลน์ : เลือกคอร์สที่เสริมจุดอ่อนของคุณ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล, การใช้ Excel ขั้นสูง หรือเครื่องมือ AI ใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสายงาน
• อ่านบทความ ฟังพอดแคสต์เกี่ยวกับการพัฒนาตัวเอง : ควรติดตามเทรนด์ในอุตสาหกรรมของคุณ เพื่อให้คุณมีความรู้ที่ทันสมัยอยู่เสมอ
• นำทักษะที่ได้ไปใช้จริงในงาน : ลองใช้เครื่องมือใหม่ๆ ในโปรเจกต์ของคุณ แล้วนำผลลัพธ์ที่ได้ไปพรีเซนต์ในที่ประชุม เพื่อให้หัวหน้าเห็นถึงการพัฒนาของคุณ

หมายเหตุ : หากต้องการลงคอร์สเรียนเพิ่มเติม แต่ยังไม่พร้อมจ่ายเงินก้อนใหญ่ การใช้บัตรเครดิต*จ่ายคอร์สเรียนก็เป็นอีกทางเลือกที่ช่วยให้คุณพัฒนาตัวเองต่อเนื่องโดยไม่สะดุด

สื่อสารให้เป็นแล้วโอกาสขึ้นเงินเดือนจะมาเอง

การทำงานได้ดีเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอหากคุณไม่สามารถสื่อสารให้หัวหน้าและทีมเข้าใจ หลายคนจึงพลาดโอกาสการขึ้นเงินเดือน เพราะไม่เคยอธิบายให้ชัดเจนว่างานที่ทำส่งผลอย่างไรต่อ ดังนั้น การเล่าเรื่องที่กระชับ ชัดเจน และมีตัวเลขรองรับ จะช่วยให้คุณค่าของงานถูกมองเห็นมากขึ้น เช่น

• เน้นผลลัพธ์ที่วัดได้: แทนที่จะพูดว่า “งานเสร็จแล้ว” ให้เล่าเป็นตัวเลขหรือผลลัพธ์ที่ชัดเจน เช่น “การทำ SEO ต่อเนื่อง 3 เดือน ช่วยเพิ่มทราฟฟิกเว็บไซต์ 40%” หรือ “การออกแบบ Template รายงานใหม่ทำให้ทีมลดเวลาเตรียมงานลงกว่า 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์” ตัวเลขหรือผลลัพธ์ที่จับต้องได้จะช่วยให้หัวหน้าเข้าใจคุณค่าของงานได้ทันที
• ฝึกนำเสนอในที่ประชุม : ใช้โอกาสในการประชุมเพื่อนำเสนอผลงานของตัวเองให้ครบทั้งสิ่งที่ทำและผลที่เกิดขึ้น เช่น เวลารายงานโปรเจกต์ อย่าพูดแค่ว่า “งานเสร็จแล้ว” แต่ให้เล่าว่า “โปรเจกต์นี้ช่วยแก้ปัญหาที่ทำให้ทีมเสียเวลาประชุมไปมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อสัปดาห์” แบบนี้หัวหน้าจะเห็นทั้งความพยายามและประโยชน์ที่ทีมได้รับอย่างชัดเจน
• สื่อสารอย่างมีโครงสร้าง: จัดลำดับการเล่าเรื่องให้น่าสนใจและเข้าใจง่าย โดยเริ่มจากภาพรวมของงาน ตามด้วยรายละเอียดสำคัญ และปิดท้ายด้วยบทสรุปที่ชัดเจน เช่น “เดือนนี้เรามุ่งทำ SEO กับ 10 บทความหลัก ผลลัพธ์คือทราฟฟิกเพิ่มขึ้น 40% และคีย์เวิร์ดหลักติดหน้าแรก ดังนั้นเดือนหน้าจะต่อยอดด้วยบทความเชิงลึกเพื่อรักษาการเติบโตนี้” การสื่อสารแบบนี้จะช่วยให้คุณดูเป็นมืออาชีพและมีแนวคิดที่ชัดเจน

คิดเชิงรุกและหาวิธีแก้ปัญหาไว้ล่วงหน้า

คนที่หัวหน้าประทับใจคือคนที่มองเห็นปัญหาก่อนใคร และหาทางแก้ได้โดยไม่ต้องรอคำสั่ง หากอยากให้ปีหน้ามีโอกาสขึ้นเงินเดือนต้องเริ่มคิดแบบเชิงรุก เพราะคือคุณสมบัติของคนที่พร้อมเป็นผู้นำ เช่น

• ตั้งคำถามกับงานที่ทำอยู่ประจำ เช่น ถ้าคุณทำรายงาน Excel ทุกวัน ลองถามตัวเองว่า “จะทำเป็นสูตรอัตโนมัติได้ไหม?” เพื่อลดเวลาทำงานซ้ำๆ ที่ต้องจัดการแบบวิธี Manual
• เสนอแนวทางแก้ไข : หากระบบนัดประชุมทีมทำให้เสียเวลาบ่อย คุณอาจเสนอว่า “เราลองสรุปอัปเดตเป็นไฟล์แชร์แทน แล้วใช้เวลาประชุมสั้นลงครึ่งหนึ่งจะดีไหม” เพื่อให้ทีมมีเวลาจัดการงานสำคัญได้มากขึ้น
• ป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดซ้ำ : ถ้างานที่ทำบ่อยๆ มักเกิดข้อผิดพลาด ลองทำไฟล์ Checklist ให้ทีมใช้ร่วมกัน เช่น ไฟล์ที่รวมรายละเอียดสิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตอิออน* แต่ละประเภท เพื่อให้ทุกคนในทีมอ้างอิงข้อมูลเดียวกัน ลดความสับสนและความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น

Work-Life Balance เพื่อรักษาสมดุลระหว่างงานและชีวิต

หัวหน้าและ HR ในยุคใหม่มองว่าคนที่มี Work-Life Balance เป็นคนที่น่าเชื่อถือและมีศักยภาพระยะยาว เพราะแปลว่ารู้จักดูแลตัวเอง ไม่หมดไฟง่าย และพร้อมทำงานได้อย่างมีคุณภาพ ที่สำคัญคือคุณจะเป็น "คนที่บริษัทลงทุนแล้วคุ้มค่า" เพราะมีแนวโน้มที่จะทำงานกับองค์กรได้อย่างสม่ำเสมอและยาวนาน

• ดูแลสุขภาพ : การออกกำลังกายสม่ำเสมอหรือจัดเวลาพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้คุณมีพลังในการทำงานมากขึ้น ไม่หมดไฟง่าย และสะท้อนให้เห็นถึงวินัยในการดูแลตัวเอง
• วางแผนการเงิน : การใช้จ่ายอย่างมีวินัย เช่น การใช้บัตรเครดิต* อย่างมีความรับผิดชอบและชำระตรงเวลา จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ทางการเงินที่มั่นคง ซึ่งในสายตาของบริษัทนั่นหมายถึงคุณคือคนที่มีวุฒิภาวะและสามารถจัดการชีวิตได้ดี

เมื่อคุณมีทั้งสุขภาพและการเงินที่จัดการได้ดี เลยไม่มีเรื่องเครียด กังวลใจ แล้วหัวหน้าจะเห็นว่าคุณคือ "คนที่ทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่หมดไฟ" และนั่นคือแต้มต่อสำคัญในการพิจารณาขึ้นเงินเดือน

หมายเหตุ : ในเรื่องของการเงินหากใช้บัตรเครดิต* ควรชำระตรงเวลาและหลีกเลี่ยงการจ่ายขั้นต่ำ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้สะท้อนวินัยและความน่าเชื่อถือในสายตาองค์กร

แสดงให้ว่าคู่ควรกับการขึ้นเงินเดือน ทั้งในสิ่งที่พูดและสิ่งที่ทำ

เมื่อทำงานมาได้สักพักการอยากขึ้นเงินเดือนหรือต่อรองเงินเดือนเป็นเรื่องปกติที่พูดได้ ถ้าคุณมั่นใจว่ามีผลงานและเหตุผลรองรับที่ดีก็ควรสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาว่าอยากขอขึ้นเงินเดือน และในขณะเดียวกันสิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่าคำพูดคือพฤติกรรมการทำงานที่สม่ำเสมอ เพราะนี่คือหลักฐานที่จะใช้พิจารณาว่าสมควรได้รับการปรับเงินเดือนขึ้นหรือไม่ สิ่งที่ต้องทำคือ

• กล้าสื่อสาร: หากคิดว่าถึงเวลาแล้ว ลองพูดคุยเรื่องการปรับเงินเดือนกับหัวหน้า พร้อมเตรียมผลงานและ Feedback เป็นหลักฐาน
• แสดงคุณค่าในทุกวัน : รักษามาตรฐานงานให้ดีเสมอต้นเสมอปลาย พูดน้อย ทำเยอะ ไม่สร้างปัญหาในทีม และเป็นคนที่ทำงานด้วยง่าย
• สร้างความน่าเชื่อถือ : ให้หัวหน้าเห็นว่าคุณคือคนที่ไว้ใจได้ ทั้งในสิ่งที่พูดและสิ่งที่ทำ หากคุณสื่อสารได้ดีและมีผลงานที่พิสูจน์ได้จริง โอกาสในการขึ้นเงินเดือนก็จะยิ่งชัดเจนและสมเหตุสมผล

จะเห็นได้เลยว่า การ "พูด" และ "การทำ" จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่คือสองสิ่งที่เสริมกัน ทำให้คุณเป็นที่น่าจับตามองและได้รับการพิจารณาในเรื่องการปรับเงินเดือน

หมายเหตุ : เครดิตทางการเงินที่ดี เช่น ประวัติการใช้บัตรเครดิตตรงเวลาและเป็นระบบ อาจไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงในการพิจารณาขึ้นเงินเดือน แต่สะท้อนถึงวินัย ความน่าเชื่อถือ และการจัดการชีวิตได้ดี ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่องค์กรให้ความสำคัญเสมอ

เครดิตดี = โอกาสดี อีกหนึ่งกุญแจที่ช่วยเรื่องขึ้นเงินเดือน

7 วิธีที่กล่าวมาอาจช่วยให้คุณพัฒนาทักษะและภาพลักษณ์ในสายงานแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนมักมองข้ามคือ เครดิตทางการเงิน เพราะแม้จะไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงที่หัวหน้าใช้ตัดสินใจขึ้นเงินเดือน แต่เครดิตที่ดีสะท้อนถึงวินัย ความรับผิดชอบ และความน่าเชื่อถือของคุณได้เช่นเดียวกัน การมีบัตรเครดิตและใช้มันอย่างมีวินัย จึงกลายเป็น “ภาพเสริม” ที่บอกได้ว่าคุณจัดการชีวิตการเงินได้ดี เช่น

• ใช้บัตรเครดิตอิออน* เพื่อผ่อนจ่ายคอร์สเรียน Upskill โดยไม่กระทบสภาพคล่อง
• ใช้บัตรเครดิตอิออน* จัดการค่าใช้จ่ายประจำ และชำระตรงเวลาเพื่อสร้างเครดิตที่มั่นคง
• ใช้สิทธิพิเศษจากบัตรเครดิตอิออน* มาช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านไลฟ์สไตล์ เพื่อให้มีเงินเหลือเก็บหรือลงทุนในอนาคต

เมื่อมีทั้ง Soft Skill ที่พัฒนาไม่หยุด และเครดิตทางการเงินที่น่าเชื่อถือ ภาพรวมจะทำให้คุณดูเป็นคนที่ “องค์กรอยากเก็บไว้ระยะยาว” ก็ถือเป็นแต้มต่อสำคัญในการได้รับการปรับเงินเดือนอย่างสมเหตุสมผล

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด

*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

ขอขึ้นเงินเดือนให้สำเร็จ เริ่มจากการเป็นคนที่ “คู่ควร”

การขอขึ้นเงินเดือนไม่ใช่เรื่องของการพูดคุยเพียงครั้งเดียว แต่คือการสร้างคุณค่า พัฒนาทักษะ และแสดงศักยภาพให้บริษัทเห็นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งคุณมีทั้งผลงานจริง วินัยที่พิสูจน์ได้ และเครดิตทางการเงินที่ดีที่สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้ตัวเองก็เพิ่มโอกาสในการปรับเงินเดือนให้ชัดเจนและสมเหตุสมผลมากขึ้น