แนะแนววิธีการจัดการ สาระน่ารู้หรือเคล็ดลับดีๆในการใช้บัตรเครดิตให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงหลายๆเรื่องที่คุณไม่รู้มาก่อน มาอัพเดทกันก่อนใคร ที่นี่ ..
ทุกเรื่องบัตรเครดิตที่คุณควรรู้
การตรวจภายใน ฟังแล้วอาจดูเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับผู้หญิงหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการตรวจภายในครั้งแรก แต่ในความเป็นจริงมันคือขั้นตอนสำคัญในการดูแลสุขภาพที่ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะการตรวจที่ดูน่ากลัวนี้อาจเป็นตัวช่วยชีวิตในอนาคตได้ ก่อนที่คุณจะรู้สึกกังวลไปมากกว่านี้ มาทำความเข้าใจให้ชัดว่า ตรวจภายในคืออะไร และผู้หญิงควรเริ่มตรวจเมื่อไหร่ ถึงจะเหมาะที่สุด
การตรวจภายใน หรือ Internal Pelvic Exam คือการตรวจสุขภาพเฉพาะทางสำหรับผู้หญิง เพราะแพทย์จะตรวจอวัยวะภายในที่สำคัญ ได้แก่ ช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก รังไข่ และท่อรังไข่ เป็นต้น เพื่อค้นหาความผิดปกติ เช่น ซีสต์ เนื้องอก การติดเชื้อ หรือสัญญาณของโรคร้ายแรงอย่าง “มะเร็งปากมดลูก” ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของผู้หญิงไทย
โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า มะเร็งปากมดลูกคร่าชีวิตผู้หญิงทั่วโลกกว่า 350,000 คนต่อปี (ข้อมูลปี พ.ศ.2565) ซึ่งในประเทศไทยยังมีผู้หญิงจำนวนมากเข้าไม่ถึงการตรวจคัดกรองภายใน หรือละเลยความสำคัญของการตรวจเพียงเพราะความกลัวหรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับตรวจภายใน
แต่ในทางกลับกันหากเริ่มตรวจภายในตั้งแต่ตอนนี้และพบความผิดปกติตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยป้องกันการลุกลามของโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น หากคุณยังรู้สึกไม่แน่ใจว่าจะเตรียมตัวยังไง หรือมีคำถามในใจเกี่ยวกับการตรวจภายใน ไม่ต้องกังวลไป เพราะผู้หญิงหลายคนก็เคยผ่านจุดเดียวกันนี้มาแล้ว
แม้การตรวจภายในจะเป็นเรื่องสำคัญต่อสุขภาพผู้หญิง แต่มือใหม่หลายคนก็ยังรู้สึกกังวล ไม่กล้าถาม หรือไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไงดี เพื่อให้การตรวจภายในครั้งแรกไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลอีกต่อไป นี่คือ “5 สิ่งที่ควรรู้ก่อนตรวจภายใน” ที่จะช่วยให้ไม่ต้องเขินอีกต่อไป
สิ่งแรกที่ผู้หญิงควรรู้ก่อนตรวจภายในครั้งแรก คือความสำคัญของการป้องกันโรคที่ร้ายแรงและใกล้ตัวอย่าง “มะเร็งปากมดลูก” ซึ่งมักไม่แสดงอาการในระยะแรก ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้ตัวและโรคอาจลุกลามจนยากต่อการรักษา แต่หากตรวจพบตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะผ่านการทำแปปสเมียร์ (Pap Smear) หรือ HPV Test ซึ่งสามารถตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ที่เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูก ก็จะช่วยให้รักษาได้ทันท่วงที และลดความเสี่ยงจากโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ แพทย์หญิงอรญา วงศ์วิวัฒน์ จากกรมอนามัย ได้ให้คำแนะนำที่ชัดเจนว่า “การตรวจภายใน ควรเริ่มเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ หรือเมื่อมีเพศสัมพันธ์” นี่ไม่ใช่แค่การตรวจหาโรคเท่านั้น แต่ยังเป็นการประเมินภาวะสุขภาพโดยรวมของอวัยวะภายในผู้หญิง และตรวจหาเชื้อไวรัส HPV ที่สามารถก่อให้เกิดความผิดปกติในเซลล์ปากมดลูกได้ การทราบถึงความเสี่ยงเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นความสำคัญของการตรวจและไม่ละเลยการดูแลสุขภาพในส่วนนี้ ซึ่งอาจช่วยชีวิตคุณได้ในอนาคต
ดังนั้น เลิกกังวลใจ แล้วรีบไปตรวจภายในกันได้เลย
หนึ่งในความกังวลอันดับต้นๆ เกี่ยวกับการ ตรวจภายใน คือคำถามที่ว่า “ตรวจภายในเจ็บไหม?” คำตอบคือโดยทั่วไปแล้ว ไม่ได้เจ็บปวดรุนแรงอย่างที่หลายคนกลัวแน่นอน
เพราะแพทย์จะใช้เครื่องมือที่เรียกว่า “Speculum” (มีลักษณะคล้ายปากเป็ด) สอดเข้าไปในช่องคลอดอย่างนุ่มนวล เพื่อเปิดให้เห็นปากมดลูกและเก็บตัวอย่างเซลล์เพื่อตรวจในห้องปฏิบัติการ ซึ่งอาจรวมถึงการตรวจหาเชื้อ HPV หรือเชื้ออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติภายใน
ส่วนใหญ่แล้วจะรู้สึกแค่ ตึงๆ หรือ หน่วงๆ บริเวณอุ้งเชิงกราน คล้ายความรู้สึกเวลามีเพศสัมพันธ์ หรือเหมือนมีแรงดันเบาๆ ในช่องท้อง ซึ่งไม่ใช่ความเจ็บปวดแบบทรมาน และหากคุณสามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และเข้าใจขั้นตอนล่วงหน้า จะช่วยให้รู้สึกสบายขึ้นมากขึ้นกว่าเดิม
แต่ถ้ารู้สึกเจ็บมากผิดปกติ หรือไม่สบายตัวอย่างรุนแรง ควรแจ้งแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะผิดปกติ เช่น ช่องคลอดอักเสบ การติดเชื้อ หรือซีสต์ ซึ่งแพทย์จะสามารถประเมินและให้คำแนะนำเพิ่มเติมได้อย่างเหมาะสมในลำดับถัดไป
การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการตรวจภายในมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความแม่นยำของผลตรวจ และความรู้สึกสบายตัว โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ 5-10 วันหลังหมดประจำเดือน เพราะเป็นช่วงที่ประจำเดือนหมดสนิทแล้ว และเยื่อบุผิวบริเวณปากมดลูกไม่บอบบางจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้แพทย์สามารถมองเห็นและเก็บตัวอย่างเซลล์ได้อย่างชัดเจนและแม่นยำมากขึ้น และสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงก่อนเข้ารับการตรวจภายในคือ
เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงของเซลล์หรือภาวะช่องคลอดอักเสบที่อาจส่งผลต่อผลการตรวจ อาจเสียเวลามาตรวจซ้ำหรือการวินิจฉัยคลาดเคลื่อนได้
การ ตรวจภายในเตรียมตัวอย่างไร อาจเป็นคำถามในใจของใครหลายคน แต่จริงๆ แล้วไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด เพียงทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้
หลายคนอาจไม่ทราบว่าการตรวจภายใน สามารถใช้สิทธิ์ต่างๆ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายได้ หากคุณอยู่ในระบบประกันสังคม สามารถใช้สิทธิ์ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap Smear) ได้ฟรีปีละ 1 ครั้ง ตามสิทธิที่ระบุ ซึ่งถือเป็นสวัสดิการสำคัญที่ช่วยให้ผู้หญิงไทยเข้ารับการตรวจคัดกรองโรคได้อย่างทั่วถึง แต่ถ้าถามว่า ตรวจภายใน โรงพยาบาลรัฐ หรือเอกชน ราคาเท่าไหร่ คำตอบ คือ
นอกจากนี้ หากคุณเป็นผู้ถือบัตรเครดิตอิออน เวลล์เนส แพลทินัม ยังสามารถใช้สิทธิพิเศษรับเครดิตเงินคืน 5% ได้ทันที* เมื่อมียอดใช้จ่ายที่โรงพยาบาลเอกชนหรือคลินิกที่ร่วมรายการ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพ
แหล่งข้อมูลอ้างอิงราคา : ข้อมูลราคาที่ระบุในส่วนนี้เป็นการสำรวจและรวบรวมจากแพ็กเกจบริการของโรงพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนในปัจจุบัน รวมถึงแหล่งข้อมูลสุขภาพชั้นนำอย่าง HD.co.th ซึ่งมีการรวบรวมข้อมูลค่าใช้จ่ายและโปรโมชั่นต่างๆ ไว้
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
*ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี
การตรวจภายในเป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนควรใส่ใจเป็นพิเศษ และควรเริ่มต้นตั้งแต่อายุที่เหมาะสม โดยเฉพาะในยุคที่มะเร็งปากมดลูกยังคงคร่าชีวิตผู้หญิงจำนวนมากทั่วโลก แต่สิ่งนี้ก็สามารถป้องกันและรักษาให้หายขาดได้ง่ายๆ เพียงเริ่มต้นตรวจภายใน ซึ่งการรู้ข้อมูลเบื้องต้นและเข้าใจว่าตรวจภายในเตรียมตัวอย่างไร จะช่วยให้พร้อมสำหรับการตรวจครั้งแรกและลดความกังวลลงได้มาก อย่าปล่อยให้ความกลัวหรือความประหม่ามาขัดขวางการดูแลสุขภาพที่สำคัญที่สุด เพราะสุขภาพที่ดีคือรากฐานของชีวิตที่มีความสุข
ขอบคุณข้อมูลจาก : WHO, กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, สปสช, กรมประชาสัมพันธ์